บทที่ 2
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเรื่อง
สูตรอาหาร ผู้จัดทำโครงการได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1.1
สูตรข้าวซอยไก่
วัตถุดิบข้าวซอยไก่
1. น่องไก่ 1-2 ชิ้น
2. บะหมี่ 1-2 ก้อน
3. พริกแห้ง 7 เม็ด
4. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
5. ข่าสับ 1 ช้อนชา
6. กระเทียมไทย 5 กลีบ
7. หอมแดงไทย 5 หัว
8. กะปิ 1 ช้อนชา
9. ผิวมะกรูดสับ 1/2 ช้อนชา
10. ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา
12. กะทิหาง 2-3 ถ้วยตวง (ถ้ามีหัวก็เอาไปเติมน้ำ)
วิธีทำข้าวซอยไก่
1. ตำพริกแกงจาก 3-9 ให้ละเอียด แล้วพักไว้
2. ตั้งหม้อไฟกลาง ใส่น้ำกะทิลงไปพอเดือดใส่พริกแกง ผงขมิ้น และ น่องไก่ลงไป ลดลงไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆจนไก่สุกเปื่อย น้ำแกงก็จะแตกมันเล็กน้อย ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊ปหรือไม่ใส่ก็ได้
บะหมี่กรอบ ใช้เส้นบะหมี่ที่มี ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด เมื่อใส่ลงไปในน้ำ ถ้าน้ำมันน้อยให้กลับด้าน 1 ครั้ง แล้วรีบตักขึ้น
เส้นจะค่อยๆเหลืองเพิ่มขึ้น แม้จะยกออกจากน้ำมันแล้วก็ตา
วัตถุดิบข้าวซอยไก่
1. น่องไก่ 1-2 ชิ้น
2. บะหมี่ 1-2 ก้อน
3. พริกแห้ง 7 เม็ด
4. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
5. ข่าสับ 1 ช้อนชา
6. กระเทียมไทย 5 กลีบ
7. หอมแดงไทย 5 หัว
8. กะปิ 1 ช้อนชา
9. ผิวมะกรูดสับ 1/2 ช้อนชา
10. ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา
12. กะทิหาง 2-3 ถ้วยตวง (ถ้ามีหัวก็เอาไปเติมน้ำ)
วิธีทำข้าวซอยไก่
1. ตำพริกแกงจาก 3-9 ให้ละเอียด แล้วพักไว้
2. ตั้งหม้อไฟกลาง ใส่น้ำกะทิลงไปพอเดือดใส่พริกแกง ผงขมิ้น และ น่องไก่ลงไป ลดลงไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆจนไก่สุกเปื่อย น้ำแกงก็จะแตกมันเล็กน้อย ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊ปหรือไม่ใส่ก็ได้
บะหมี่กรอบ ใช้เส้นบะหมี่ที่มี ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด เมื่อใส่ลงไปในน้ำ ถ้าน้ำมันน้อยให้กลับด้าน 1 ครั้ง แล้วรีบตักขึ้น
เส้นจะค่อยๆเหลืองเพิ่มขึ้น แม้จะยกออกจากน้ำมันแล้วก็ตา
ปลาหมึกย่างซีอิ๊ว
เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป
เป็นอีกเมนูที่ทำง่าย อร่อย และเราสามารถทำทานที่บ้านเองได้
2.1.2 สูตรปลาหมึกย่างซีอิ้ว
ส่วนผสมปลาหมึกย่างซีอิ้ว
1. ปลาหมึกกล้วย 1 ตัว
2. โชยุ 4 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
4. มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาล 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาหมึกย่างซีอิ๊ว
1. ล้างปลาหมึกย่างให้สะอาด
ควักไส้ออกให้หมด
2. ผสมโชยุ ซีอิ๊วดำ มิริน น้ำตาล
คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
3. นำปลาหมึกลงไปแช่ในน้ำซอสประมาณ 10-15
นาทีจนซึมเข้าเนื้อปลาหมึก พักไว้
4. นำปลาหมึกไปย่าง
ระหว่างย่างก็ทาน้ำซอสด้วยจนปลาหมึกสุก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
5. นำน้ำซอสที่เหลือมาต้มให้เดือดให้น้ำตาลละลาย
ตักราดบนตัวปลาหมึก เสิร์ฟ
2.1.3 สูตรหอยแมลงภู่ซอสกะหรี่
วัตถุดิบหอยแมลงภู่ซอสกะหรี่
1. หอยแมลงภู่ 8-10 ตัว
2. น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมบุบ 4 กลีบ
4. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
5. หอมใหญ่หั่นเต๋า1/2 หัว
6. วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
7. ไข่แดง 1 ฟอง
8. ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือ
10. พริกไทย
11. ใบพาร์สลีย์ (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำหอยแมลงภู่ซอสกะหรี่
1. ล้างและดึงภู่ออกจากหอยแมลงภู่ให้สะอาด เตรียมไว้
2. นำหม้อตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน กระเทียม หอมใหญ่ลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่า ใส่หอยลงไปต้มประมาณ 10 นาทีจนหอยสุก (หอยจะเปิดฝา) ยกลง กรองน้ำเก็บเอาไว้ แล้วแกะเปลือกหอยเรียงบนจานให้สวยงาม
3. ทำซอส-ผสมไข่แดง วิปครีม ผงกะหรี่ และน้ำที่กรองไว้คนให้เข้ากัน ใส่หม้อตั้งไฟอ่อนคนจนเดือด (ระวังไข่แดงสุก) ปรุงเกลือ พริกไทย ตามชอบ ปิดเตา นำไปราดบนเนื้อหอย โรยด้วย ใบพาสลีย์ ตกแต่งให้สวย เสิร์ฟ
1. หอยแมลงภู่ 8-10 ตัว
2. น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมบุบ 4 กลีบ
4. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
5. หอมใหญ่หั่นเต๋า1/2 หัว
6. วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
7. ไข่แดง 1 ฟอง
8. ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือ
10. พริกไทย
11. ใบพาร์สลีย์ (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำหอยแมลงภู่ซอสกะหรี่
1. ล้างและดึงภู่ออกจากหอยแมลงภู่ให้สะอาด เตรียมไว้
2. นำหม้อตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน กระเทียม หอมใหญ่ลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่า ใส่หอยลงไปต้มประมาณ 10 นาทีจนหอยสุก (หอยจะเปิดฝา) ยกลง กรองน้ำเก็บเอาไว้ แล้วแกะเปลือกหอยเรียงบนจานให้สวยงาม
3. ทำซอส-ผสมไข่แดง วิปครีม ผงกะหรี่ และน้ำที่กรองไว้คนให้เข้ากัน ใส่หม้อตั้งไฟอ่อนคนจนเดือด (ระวังไข่แดงสุก) ปรุงเกลือ พริกไทย ตามชอบ ปิดเตา นำไปราดบนเนื้อหอย โรยด้วย ใบพาสลีย์ ตกแต่งให้สวย เสิร์ฟ
2.1.4 สูตรอาหารแกงเขียวหวานไก่
วัตถุดิบ
1. พริกแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
2. หัวกะทิ 1 ถ้วย
3. ใบโหระพา
4. น้ำมันพืช
5. สันในไก่ 100 กรัม
6. มะเขือเปาะ 4 ลูก
7. พริกชีฟ้าแดงสไลท์
วัตถุดิบ
1. พริกแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
2. หัวกะทิ 1 ถ้วย
3. ใบโหระพา
4. น้ำมันพืช
5. สันในไก่ 100 กรัม
6. มะเขือเปาะ 4 ลูก
7. พริกชีฟ้าแดงสไลท์
วิธีทำ
1. ผัดพริกแกงเขียวหวานในน้ำมันพืชด้วยไฟอ่อน ผัดช้าๆ ใจเย็นๆ จนหอม จากนั้นลงกะทิไปเล็กน้อยผัดให้พอแตกมัน ลงกะทิที่เหลือมาเคี่ยวต่อ (ถ้ามีหางกะทิจะใส่เพิ่มมาด้วยก็ได้)
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล จากนั้นลงเนื้อไก่ลงมา พอเริ่มเดือด ก็ลงมะเขือเปาะ โหระพา และพริกชี้ฟ้าแดงลงมา ก็เป็นอันพร้อมรับประทาน
2.1.5สูตรอาหารข้าวผัดอบชีส
วัตถุดิบข้าวผัดอบชีส
1.ข้าว 200 กรัม
2.แครอทเต๋า 20 กรัม
3.หอมใหญ่เต๋า 20 กรัม
4.กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5.แฮม 2 แผ่น
6.ไข่ไก่ 1 ฟอง
7.ข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
8.ถั่วลันเตา 1 ช้อนโต๊ะ
9.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
11.ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
12.มอสซาเรลล่าชีส
13.พาเมซานชีส
14.น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
15.น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
วัตถุดิบข้าวผัดอบชีส
1.ข้าว 200 กรัม
2.แครอทเต๋า 20 กรัม
3.หอมใหญ่เต๋า 20 กรัม
4.กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5.แฮม 2 แผ่น
6.ไข่ไก่ 1 ฟอง
7.ข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
8.ถั่วลันเตา 1 ช้อนโต๊ะ
9.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
11.ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
12.มอสซาเรลล่าชีส
13.พาเมซานชีส
14.น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
15.น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวผัดอบชีส
1. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟ ใส่กระเทียมและหอมใหญ่ลงไปผัดให้หอม
2. ใส่แฮม แครอท ลงไปผัดให้สุก และใส่ข้าวโพดกับถั่วลันเตา ผัดให้เข้ากัน
3.นำข้าวเทลงไปผัดต่อจนเข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย ซอสมะเขือเทศ น้ำตาล แล้วตอกไข่ลงไปผัดให้ทั่วกัน ตักใส่จานที่สามารถเข้าเตาอบได้ โรยชีสทั้ง 2 ให้เต็มหน้าข้าวผัด แล้วเข้าเตาอบ180 องศาเซลเซียส อบให้ชีสละลาย เสิร์ฟในจานนั้น
2.1.6
สูตรอาหารข้าวหมกไก่
วัตถุดิบข้าวหมกไก่
1. น่องและสะโพกไก่ 4 ชิ้น
2. ข้าวหอมมะลิเก่า 400 กรัม
3. หอมแดงซอย 80 กรัม
4. เนยเค็ม 130 กรัม
5. นมข้นจืด 50 มล.
6. โยเกิร์ต 70 กรัม
7. ผงกะหรี่ 1 ชต.
8. ผงขมิ้น 2 ชต.
9. ลูกผักชีป่น 1 ชช.
10. ยี่หร่าป่น 1 ชช.
11. เกลือป่น 1 ชต.
12. น้ำตาลทราย 1 ชต.
13. อบเชยป่น 1 ชช.
14. ใบกระวานป่น 1 ชช.
15. น้ำเปล่า 800 มล.
16. แตงกวา 1 ลูก
17. น้ำจิ้มข้าวหมกไก่ 1 ถ้วย
18. หอมแดงเจียว 1 ถ้วย
วิธีทำข้าวหมกไก่
1. นำส่วนผสมมาหมักรวมกัน ได้แก่ นมข้นจืด โยเกิร์ต และเครื่องปรุงอย่างละครึ่งนึง ผงกะหรี่ ผงขมิ้น ลูกผักชี ยี่หร่า อบเชย ใบกระวาน เกลือป่น น้ำตาล พักไว้
2. ใช้ส้อมจิ้มไก่ให้ทั่ว นำลงหมักกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชม.
3. นำหอมแดงและเนยลงผัดจนเนยละลายจนหมด นำไก่ลงทอดพอให้ผิวเกรียมเล็กน้อยทั้ง 2 ด้าน ตักไก่ขึ้นพักไว้ (ไก่ไม่ต้องสุก)
4. เติมข้าวและเครื่องปรุงที่เหลือไว้อย่างละครึ่งลงผัดประมาณ 5 นาที ตักข้าวลงในหม้อข้าว เติมน้ำเปล่าไปคนให้เข้ากัน จากนั้นวางไก่ไว้บนข้าว นำไปหุงตามปกติในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าจนข้าวสุก
วัตถุดิบข้าวหมกไก่
1. น่องและสะโพกไก่ 4 ชิ้น
2. ข้าวหอมมะลิเก่า 400 กรัม
3. หอมแดงซอย 80 กรัม
4. เนยเค็ม 130 กรัม
5. นมข้นจืด 50 มล.
6. โยเกิร์ต 70 กรัม
7. ผงกะหรี่ 1 ชต.
8. ผงขมิ้น 2 ชต.
9. ลูกผักชีป่น 1 ชช.
10. ยี่หร่าป่น 1 ชช.
11. เกลือป่น 1 ชต.
12. น้ำตาลทราย 1 ชต.
13. อบเชยป่น 1 ชช.
14. ใบกระวานป่น 1 ชช.
15. น้ำเปล่า 800 มล.
16. แตงกวา 1 ลูก
17. น้ำจิ้มข้าวหมกไก่ 1 ถ้วย
18. หอมแดงเจียว 1 ถ้วย
วิธีทำข้าวหมกไก่
1. นำส่วนผสมมาหมักรวมกัน ได้แก่ นมข้นจืด โยเกิร์ต และเครื่องปรุงอย่างละครึ่งนึง ผงกะหรี่ ผงขมิ้น ลูกผักชี ยี่หร่า อบเชย ใบกระวาน เกลือป่น น้ำตาล พักไว้
2. ใช้ส้อมจิ้มไก่ให้ทั่ว นำลงหมักกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชม.
3. นำหอมแดงและเนยลงผัดจนเนยละลายจนหมด นำไก่ลงทอดพอให้ผิวเกรียมเล็กน้อยทั้ง 2 ด้าน ตักไก่ขึ้นพักไว้ (ไก่ไม่ต้องสุก)
4. เติมข้าวและเครื่องปรุงที่เหลือไว้อย่างละครึ่งลงผัดประมาณ 5 นาที ตักข้าวลงในหม้อข้าว เติมน้ำเปล่าไปคนให้เข้ากัน จากนั้นวางไก่ไว้บนข้าว นำไปหุงตามปกติในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าจนข้าวสุก
2.1.7 สูตรขนมช็อคบอล
(Chocolate Cake Balls)
ส่วนผสมช็อคบอล (Chocolate Cake Balls)
เนื้อช็อคบอล
1. เนื้อเค้กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตหน้านิ่ม 1/2 สูตร
2. ผงโกโก้ 10 กรัม
3. เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
4.ช็อกโกแลตชิป 60 กรัม
แต่งหน้า
1. ช็อกโกแลต 300 กรัม
2. ไวท์ช็อกโกแลต 150 กรัม
3. M&M
4. น้ำตาลแต่งหน้าเค้กต่างๆ
วิธีทำช็อคบอล (Chocolate Cake Balls)
1. นำเนื้อเค้กช็อกโกแลตหรือช็อคโกแลตหน้านิ่มมาขยำให้เข้าและเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ใส่เหล้ารัมและผงโกโก้ขยำให้เข้ากันจนเป็นเนื้อแป้งโด สามารถลองปั้นแล้วเนื้อเค้กไม่ติดมือ
3. นำช็อกโกแลตชิปผสมลงในตัวแป้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. แบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 30-50 กรัม แล้วปั้นให้เป็นลูกกลมๆ
5. นำช็อกโกแลตไปละลายในหม้อหรือเตาอบ
6. นำช็อคบอลที่ปั้นเสร็จแล้วมาชุบลงไป
7. แต่งหน้าด้วย M&M ไวท์ช็อคโกแลต หรืออื่นๆตามใจชอบ
ส่วนผสมช็อคบอล (Chocolate Cake Balls)
เนื้อช็อคบอล
1. เนื้อเค้กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตหน้านิ่ม 1/2 สูตร
2. ผงโกโก้ 10 กรัม
3. เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
4.ช็อกโกแลตชิป 60 กรัม
แต่งหน้า
1. ช็อกโกแลต 300 กรัม
2. ไวท์ช็อกโกแลต 150 กรัม
3. M&M
4. น้ำตาลแต่งหน้าเค้กต่างๆ
วิธีทำช็อคบอล (Chocolate Cake Balls)
1. นำเนื้อเค้กช็อกโกแลตหรือช็อคโกแลตหน้านิ่มมาขยำให้เข้าและเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ใส่เหล้ารัมและผงโกโก้ขยำให้เข้ากันจนเป็นเนื้อแป้งโด สามารถลองปั้นแล้วเนื้อเค้กไม่ติดมือ
3. นำช็อกโกแลตชิปผสมลงในตัวแป้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. แบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 30-50 กรัม แล้วปั้นให้เป็นลูกกลมๆ
5. นำช็อกโกแลตไปละลายในหม้อหรือเตาอบ
6. นำช็อคบอลที่ปั้นเสร็จแล้วมาชุบลงไป
7. แต่งหน้าด้วย M&M ไวท์ช็อคโกแลต หรืออื่นๆตามใจชอบ
2.1.8 กล้วยหอมทอดกรอบครีมวนิลา Crispy Banana
เป็นขนมหวานที่ให้ความกรุบกรอบของแป้งปอเปี๊ยะทอด
และความชุ่มฉ่ำของวนิลาครีมและกล้วยหอมที่เข้ากันอย่างลงตัว หอมหวานกรอบอร่อย
วัตถุดิบกล้วยหอมทอดกรอบครีมวนิลา Crispy
Banana
1. กล้วยหอม 2 ลูก
2. แป้งป่อเปี๊ยะ 4-6 แผ่น
3. น้ำมันสำหรับทอด
วนิลาครีม
1. นม 200 มิลลิลิตร
2. น้ำตาล 40 กรัม
3. กลิ่นวนิลา 1/4 ช้อนชา
4. ไข่ 2 ฟอง
5. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกล้วยหอมทอดกรอบครีมวนิลา Crispy
Banana
วนิลาครีม
ตั้งนม น้ำตาล กลิ่นวนิลาในหม้อให้เดือด
แล้วตามด้วยแป้งข้าวโพดกับไข่คนให้เข้ากัน เมื่อนมที่ตั้งเดือดแล้วตักใส่ลงไปในแป้งกับไข่ คนให้เข้ากัน แล้วค่อยใส่ลงไปในหม้อ คนไปเรื่อยๆจนนมข้นเป็นครีม
ตักใส่ชามพักไว้ให้เย็น
ปอเปี๊ยะ
1. นำแผ่นปอเปี๊ยะมาวาง
ทาด้วยวนิลาครีม ตัดกล้วยให้เป็น 4 ชิ้น
แล้วนำมาวางบนแผ่นปอเปี๊ย 1 ชิ้น แล้วห่อใช้ไข่ทาเป็นกาวให้แป้งติดกัน ห่อให้สวยงามแล้วนำลงไปทอดจนเป็นสีเหลืองทอง
2. ทาวนิลาครีมบนจาน
วางด้วยปอเปี๊ยะกล้วยที่ทอดแล้ว จะราดด้วยช็อกโกแลต หรือโรยไอซิ่งเสิร์ฟก็ได้
2.1.9 สูตรไอศกรีมช็อกโกแลตโฮมเมค
ส่วนผสมไอศกรีมช็อกโกแลตโฮมเมค
1. ช็อคโกแลตหั่นเต๋า 200 กรัม
2. ผงโกโก้ 80 กรัม
3. นมสดรสจืด 500 มิลลิลิตร
4. น้ำตาล 120 กรัม
5. น้ำ 250 มิลลิลิตร
วิธีทำไอศกรีมช็อกโกแลตโฮมเมค
1. ใส่น้ำ น้ำตาล
และผงโกโก้ลงในหม้อ ต้มจนน้ำตาลละลาย คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
2. เทราดลงบนช็อกโกแลตที่หั่นเต๋าเตรียมไว้
3. คนจนช็อกโกแลตละลายจนหมดดี
4. พักจนเย็นที่อุณหภูมิห้อง
5. เข้าตู้เย็น 1 คืน
6. ตักเสิร์ฟตามชอบ
2.1.10 สูตรเจลลี่เค้ก Jelly Cake
ส่วนผสมเจลลี่เค้ก Jelly Cake
1. เยลลี่รสต่างๆ 8 ชิ้น
2. คัสตาร์ดเค้ก 4 ชิ้น (ตามขนาดของแม่พิมพ์)
3. Topping (สำหรับตกแต่ง) ตามชอบ
วิธีทำเจลลี่เค้ก Jelly Cake
1. หั่นเยลลี่เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลาง ประมาณ 1 นาที แล้วพักให้อุ่น
2. หั่นคัสตาร์ดเค้กใส่พิมพ์ เทเยลลี่ใส่พิมพ์ให้ ท่วมชิ้นเค้กเล็กน้อย จากนั้นก็ตกแต่งด้วย Topping ตามชอบ แล้วพักไว้ในตู้เย็น รับประทานขณะเย็น
ส่วนผสมเจลลี่เค้ก Jelly Cake
1. เยลลี่รสต่างๆ 8 ชิ้น
2. คัสตาร์ดเค้ก 4 ชิ้น (ตามขนาดของแม่พิมพ์)
3. Topping (สำหรับตกแต่ง) ตามชอบ
วิธีทำเจลลี่เค้ก Jelly Cake
1. หั่นเยลลี่เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลาง ประมาณ 1 นาที แล้วพักให้อุ่น
2. หั่นคัสตาร์ดเค้กใส่พิมพ์ เทเยลลี่ใส่พิมพ์ให้ ท่วมชิ้นเค้กเล็กน้อย จากนั้นก็ตกแต่งด้วย Topping ตามชอบ แล้วพักไว้ในตู้เย็น รับประทานขณะเย็น
2.2หลักการสร้างเว็บเบื้องต้น
การสร้างและออกแบบเว็บ
กระบวนการในการสร้างและออกแบบเว็บจะมีกระบวนการพื้นฐานอยู่ด้วยกัน 5 ขั้นตอนคือ
1. การวางแผน (Planning)
กระบวนการในการสร้างและออกแบบเว็บจะมีกระบวนการพื้นฐานอยู่ด้วยกัน 5 ขั้นตอนคือ
1. การวางแผน (Planning)
เป็นขั้นตอนที่ผู้สร้างเว็บจะต้องรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจะนำ
มาสร้างเว็บ กำหนดวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นกำหนดขอบเขตและความต้องการของเว็บว่าจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น ขนาดของหน้าจอภาพ บราวเซอร์ที่จะใช้ ฯลฯ องค์ประกอบและเครื่องมือที่จะต้องใช้ ต้องการมีกระดานข่าว ห้องสนทนา ฯลฯ รวมถึงขั้นตอนและกระบวนการในการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบ
การวางแผนเบื้องต้นของการสร้างเว็บสำหรับ Dreamweaver คือ
- กำหนดพื้นที่จัดเก็บเว็บในเครื่องคอมพิวเตอร์
- กำหนดพื้นที่ติดตั้งเว็บเมื่อสร้างเสร็จ
2. การออกแบบ (Design)
มาสร้างเว็บ กำหนดวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นกำหนดขอบเขตและความต้องการของเว็บว่าจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น ขนาดของหน้าจอภาพ บราวเซอร์ที่จะใช้ ฯลฯ องค์ประกอบและเครื่องมือที่จะต้องใช้ ต้องการมีกระดานข่าว ห้องสนทนา ฯลฯ รวมถึงขั้นตอนและกระบวนการในการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบ
การวางแผนเบื้องต้นของการสร้างเว็บสำหรับ Dreamweaver คือ
- กำหนดพื้นที่จัดเก็บเว็บในเครื่องคอมพิวเตอร์
- กำหนดพื้นที่ติดตั้งเว็บเมื่อสร้างเสร็จ
2. การออกแบบ (Design)
เป็นขั้นตอนที่นำข้อมูลและแผนที่วางไว้ไปปฏิบัติ
โดยการลง
มือปฏิบัติโดยจัดพิมพ์เนื้อหา กำหนดการเชื่อมโยง และคุณลักษณะอื่นที่ต้องใช้ในเว็บ การออกแบบก็จะเน้นที่การจัดหน้าจอของเว็บให้สอดคล้องกันและระมัดระวังปัญหาต่าง ๆ ในการออกแบบ
3. การพัฒนา (Development)
มือปฏิบัติโดยจัดพิมพ์เนื้อหา กำหนดการเชื่อมโยง และคุณลักษณะอื่นที่ต้องใช้ในเว็บ การออกแบบก็จะเน้นที่การจัดหน้าจอของเว็บให้สอดคล้องกันและระมัดระวังปัญหาต่าง ๆ ในการออกแบบ
3. การพัฒนา (Development)
เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการออกแบบและการสร้าง
โดย
เน้นไปที่การตกแต่งและเสริมเครื่องมือต่าง ๆ สำหรับเว็บ เช่น การกำหนดสี ภาพ การใช้ Flash ช่วยให้เว็บเร้าความสนใจ และเพิ่มเติมเทคนิคต่าง ๆ ของโปรแกรมสนับสนุนการสร้างเว็บ
4. การติดตั้ง (Publishing)
เน้นไปที่การตกแต่งและเสริมเครื่องมือต่าง ๆ สำหรับเว็บ เช่น การกำหนดสี ภาพ การใช้ Flash ช่วยให้เว็บเร้าความสนใจ และเพิ่มเติมเทคนิคต่าง ๆ ของโปรแกรมสนับสนุนการสร้างเว็บ
4. การติดตั้ง (Publishing)
เป็นขั้นตอนที่จะนำเอาเว็บที่ได้สร้างขึ้นเข้าไปติดตั้งในเว็บ
เซอร์เวอร์เพื่อให้แสดงผลได้ในระบบอินเทอร์เน็ต หรือจะเรียกว่า การอับโหลด (Up load) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการอยู่เสมอเมื่อสร้างเว็บเสร็จ
5. การบำรุงรักษา (Maintenance) เป็นขั้นตอนประเมินผลและติดตามผลการติดตั้งเว็บไซต์
ว่ามีข้อขัดข้องหรือต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเว็บเพิ่มเติมให้ทันสมัยอยู่เสมอ อาจจะเรียกได้ว่าขั้นตอนการอับเดท (Up date)
การกำหนดรูปแบบเว็บไซต์ (Web-site)
เว็บไซต์ (Web-site) หมายถึง เว็บที่ประกอบด้วยเว็บเพจหลาย ๆ เว็บเพจมารวมกัน อยู่ภายในพื้นที่เดียวกันและเชื่อมโยงระหว่างกันภายใต้โดเมนเนมเดียวกัน โดยมีโฮมเพจเป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ทำหน้าที่เชื่อมโยงไปยังเว็บเพจต่าง ๆ
โฮมเพจ (Homepage) หมายถึง เว็บเพจที่เป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ ที่เข้าถึงได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์โดเมนเนมหรือยูอาร์แอลซึ่งเป็นที่ติดตั้งของเว็บไซต์
เว็บเพจ (Web page) หมายถึง เอกสารที่สร้างขึ้นโดยในรูปแบบของ HTML หรือโปรแกรมการสร้างเว็บโดยเฉพาะ จะแสดงผลได้เฉพาะโปรแกรมบราวเซอร์ และต้องติดตั้งในเว็บเซอร์เวอร์เพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลได้โดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เว็บเพจจะมี 2 ลักษณะใหญ่คือ
- เว็บเพจแบบหน้าเดียว (Single page) หรือแบบสั้น (Short page) หมายถึง เว็บเพจที่แสดงผลข้อมูลหรือเนื้อหาเพียงหน้าเดียวมีขนาดเท่ากับหน้าจอคอมพิวเตอร์พอดี หรือมีแถบเลื่อนลงมาด้านล่างสั้น ๆ หรือมีรูปแบบเป็นกรอบพอดีหน้าจอภาพ
- เว็บเพจแบบแถบเลื่อน (Scroll page) หรือแบบยาว (Long page) หมายถึง เว็บเพจที่แสดงผลข้อมูลหรือเนื้อหาเป็นแนวยาวจากด้านบนลงมายังด้านล่างของหน้าจอภาพ โดยมีแถบเลื่อนอยู่ด้านข้างสำหรับเลื่อนหน้าจอภาพ เพื่อดูข้อมูลที่แสดงผลหน้าจอภาพ
เซอร์เวอร์เพื่อให้แสดงผลได้ในระบบอินเทอร์เน็ต หรือจะเรียกว่า การอับโหลด (Up load) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการอยู่เสมอเมื่อสร้างเว็บเสร็จ
5. การบำรุงรักษา (Maintenance) เป็นขั้นตอนประเมินผลและติดตามผลการติดตั้งเว็บไซต์
ว่ามีข้อขัดข้องหรือต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเว็บเพิ่มเติมให้ทันสมัยอยู่เสมอ อาจจะเรียกได้ว่าขั้นตอนการอับเดท (Up date)
การกำหนดรูปแบบเว็บไซต์ (Web-site)
เว็บไซต์ (Web-site) หมายถึง เว็บที่ประกอบด้วยเว็บเพจหลาย ๆ เว็บเพจมารวมกัน อยู่ภายในพื้นที่เดียวกันและเชื่อมโยงระหว่างกันภายใต้โดเมนเนมเดียวกัน โดยมีโฮมเพจเป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ทำหน้าที่เชื่อมโยงไปยังเว็บเพจต่าง ๆ
โฮมเพจ (Homepage) หมายถึง เว็บเพจที่เป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ ที่เข้าถึงได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์โดเมนเนมหรือยูอาร์แอลซึ่งเป็นที่ติดตั้งของเว็บไซต์
เว็บเพจ (Web page) หมายถึง เอกสารที่สร้างขึ้นโดยในรูปแบบของ HTML หรือโปรแกรมการสร้างเว็บโดยเฉพาะ จะแสดงผลได้เฉพาะโปรแกรมบราวเซอร์ และต้องติดตั้งในเว็บเซอร์เวอร์เพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลได้โดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เว็บเพจจะมี 2 ลักษณะใหญ่คือ
- เว็บเพจแบบหน้าเดียว (Single page) หรือแบบสั้น (Short page) หมายถึง เว็บเพจที่แสดงผลข้อมูลหรือเนื้อหาเพียงหน้าเดียวมีขนาดเท่ากับหน้าจอคอมพิวเตอร์พอดี หรือมีแถบเลื่อนลงมาด้านล่างสั้น ๆ หรือมีรูปแบบเป็นกรอบพอดีหน้าจอภาพ
- เว็บเพจแบบแถบเลื่อน (Scroll page) หรือแบบยาว (Long page) หมายถึง เว็บเพจที่แสดงผลข้อมูลหรือเนื้อหาเป็นแนวยาวจากด้านบนลงมายังด้านล่างของหน้าจอภาพ โดยมีแถบเลื่อนอยู่ด้านข้างสำหรับเลื่อนหน้าจอภาพ เพื่อดูข้อมูลที่แสดงผลหน้าจอภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น